การทำงานกับสื่อ

WEBP vs JPG: ฟอร์แมตไหนดีกว่าสำหรับเว็บไซต์ของคุณ

5 นาทีในการอ่าน
WEBP vs JPG: ฟอร์แมตไหนดีกว่าสำหรับเว็บไซต์ของคุณ

ภาพไม่ได้เป็นแค่ “ของตกแต่ง” บนเว็บไซต์เท่านั้น พวกมันมีผลต่อทุกอย่าง — ตั้งแต่ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บและอันดับ SEO ไปจนถึงการตัดสินใจของผู้ใช้ว่าจะอยู่ต่อหรือออกจากเว็บไซต์ภายใน 3 วินาที แล้วคำถามคือ: ควรเลือกฟอร์แมตไหน — WEBP หรือ JPG? แม้ว่าจะดูคล้ายกันในตอนแรก แต่ภายในนั้นแตกต่างกันมาก มาดูกันว่าแบบไหนเหมาะกับคุณที่สุด

JPG คืออะไร

JPG (หรือ JPEG) เป็นฟอร์แมตภาพคลาสสิกที่มีมาตั้งแต่ปี 1992 ผ่านการอัปเดตมาหลายสิบปีและยังคงเป็นฟอร์แมตที่ได้รับความนิยมมากที่สุดบนอินเทอร์เน็ต JPG ใช้การบีบอัดแบบสูญเสียข้อมูล ซึ่งหมายความว่าข้อมูลบางส่วนจะถูกลบออกเพื่อลดขนาดไฟล์

สิ่งนี้ทำให้ JPG มีขนาดเล็กและใช้งานง่าย โดยเฉพาะสำหรับภาพถ่าย แต่ก็มีข้อเสีย — การบีบอัดมากเกินไปอาจทำให้เกิด "นอยส์" และรายละเอียดหายไป

ข้อดีของ JPG:

  • ขนาดไฟล์เล็กพร้อมคุณภาพที่ดี
  • รองรับโดยทุกเบราว์เซอร์และอุปกรณ์
  • เหมาะกับภาพถ่ายและภาพสมจริง

ข้อเสีย:

  • คุณภาพลดลงเมื่อบีบอัดสูง
  • ไม่รองรับพื้นหลังโปร่งใส
  • ไม่รองรับภาพเคลื่อนไหว

WEBP คืออะไร

WEBP เป็นฟอร์แมตภาพที่ใหม่กว่า พัฒนาโดย Google ในปี 2010 เพื่อเป็นทางเลือกสมัยใหม่แทน JPG และ PNG เป้าหมายหลักคือการรักษาคุณภาพในขณะที่ลดขนาดไฟล์ WEBP รองรับทั้งการบีบอัดแบบสูญเสียและไม่สูญเสีย รองรับพื้นหลังโปร่งใส (เหมือน PNG) และแม้แต่ภาพเคลื่อนไหว (เหมือน GIF)

ข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดของ WEBP คือไฟล์สามารถมีขนาดเล็กกว่า JPG ถึง 30–40% ในขณะที่คุณภาพภาพยังคงใกล้เคียงกัน ซึ่งหมายถึงเว็บไซต์โหลดเร็วขึ้นและผู้ใช้พึงพอใจมากขึ้น

ข้อดีของ WEBP:

  • ขนาดไฟล์เล็กลงโดยคงคุณภาพเท่าเดิม
  • รองรับพื้นหลังโปร่งใสและภาพเคลื่อนไหว
  • ปรับปรุงความเร็วของเว็บไซต์และ Core Web Vitals

ข้อเสีย:

  • เบราว์เซอร์รุ่นเก่าบางตัวไม่รองรับ
  • CMS และปลั๊กอินบางตัวยังไม่รองรับโดยค่าเริ่มต้น

WEBP vs JPG: การเปรียบเทียบที่สำคัญ

พารามิเตอร์WEBPJPG
ขนาดไฟล์เล็กลง 25–40%ใหญ่กว่า
คุณภาพเมื่อบีบอัดสูงกว่าแย่ลงเมื่อบีบอัดสูง
รองรับพื้นหลังโปร่งใสใช่ไม่
รองรับภาพเคลื่อนไหวใช่ไม่
การรองรับของเบราว์เซอร์เบราว์เซอร์สมัยใหม่ทุกเบราว์เซอร์
SEO และความเร็วในการโหลดดีกว่าด้อยกว่า

เมื่อไหร่ควรใช้ WEBP และเมื่อไหร่ควรใช้ JPG

เลือก WEBP หากคุณต้องการความเร็วในการโหลดสูงสุด คุณภาพสูงในขนาดไฟล์ที่เล็กกว่า และกลุ่มผู้ใช้ของคุณส่วนใหญ่ใช้เบราว์เซอร์สมัยใหม่ WEBP เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเว็บไซต์ที่ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพ: บล็อก ร้านค้าออนไลน์ แลนดิ้งเพจ และแพลตฟอร์มสื่อ

ใช้ JPG หากคุณต้องการรับประกันความเข้ากันได้กับอุปกรณ์หรือบริการรุ่นเก่า เช่น การเชื่อมต่อกับระบบที่ไม่รองรับ WEBP

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้ทั้งสองฟอร์แมต — ให้บริการ WEBP สำหรับผู้เข้าชมส่วนใหญ่ และเปลี่ยนเป็น JPG โดยอัตโนมัติสำหรับเบราว์เซอร์ที่ไม่รองรับฟอร์แมตใหม่

วิธีเปลี่ยนไปใช้ WEBP

  • ใช้ตัวแปลงออนไลน์ เช่น FastConvert เพื่อแปลงภาพเป็น WEBP ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่สูญเสียคุณภาพ
  • ตั้งค่าการแปลงอัตโนมัติใน CMS ของคุณ — เช่น ผ่านปลั๊กอิน WordPress
  • ใช้กลไก fallback: แท็ก <picture> ช่วยให้โหลด WEBP เมื่อรองรับ และ JPG ในกรณีอื่น

บทสรุป

WEBP คืออนาคตของภาพบนเว็บ มันทำให้หน้าเว็บเบาและโหลดได้เร็วขึ้น ปรับปรุง SEO และช่วยให้เว็บไซต์ของคุณผ่านข้อกำหนดของ Core Web Vitals ได้โดยง่าย JPG ยังคงมีความสำคัญ — เป็นตัวเลือกสำรองที่เชื่อถือได้และเพื่อความเข้ากันได้กับระบบรุ่นเก่า

หากคุณกำลังสร้างเว็บไซต์ที่เน้นความเร็ว การใช้งานง่าย และอันดับการค้นหาที่ดี คำตอบก็ชัดเจน: WEBP คือผู้ชนะ แต่ทางออกที่ดีที่สุดคือการใช้ทั้งสองฟอร์แมตร่วมกันเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากแต่ละแบบ

แชร์